ระดับการบดเมล็ดกาแฟคั่ว "สำคัญยังไง"

18040 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ระดับการบดเมล็ดกาแฟคั่ว "สำคัญยังไง"

ความละเอียดของการบดเมล็ดกาแฟนั้นควรขึ้นอยู่กับเครื่องชงที่เลือกใช้ เมื่อความละเอียดของกาแฟที่บดไม่เหมาะกับอุปกรณ์ที่ใช้ชง ก็อาจส่งผลให้ได้รสชาติของเครื่องดื่มที่ไม่อร่อยกลมกล่อม ทำให้ลูกค้าเกิดการไม่ประทับใจร้านเรา

         นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่งสำหรับการบดเมล็ดกาแฟ เพราะถือว่าเป็นตัวแปรที่สำคัญในการจะชูรสชาติ ชูกลิ่นหอม ของเครื่องดื่มกาแฟทุกแก้ว ดังนั้นใครที่เปิดร้านกาแฟและกำลังกังวลในเรื่องของรสชาติกาแฟ ไม่ว่าที่ร้านจะมีเมล็ดกาแฟคุณภาพดี แต่หากได้ความละเอียดของกาแฟที่ไม่ตรงกับเครื่องชง ก็จะทำให้ความอร่อยของกาแฟลดลงได้ ดังนั้นอย่าลืมสังเกตความละเอียดของผงกาแฟในร้าน ว่าเหมาะสมกับเครื่องชงที่ใช้หรือไม่ และควรบดให้ได้ความละเอียดที่สม่ำเสมอกันด้วย 


ระดับการบดกาแฟ มีกี่ระดับ

1.บดหยาบ (Coarse grind)


          การบดในระดับนี้จะมีกาแฟที่มีลักษณะเป็นเม็ดใหญ่ จับแล้วให้ความรู้สึกเหมือนกรวดทราย หรือดอกเกลือ ซึ่งจะสำหรับการชงแบบเฟรนช์เพรส (French Press) เพราะมีวิธีการชงแบบแช่ผงกาแฟในน้ำร้อนเป็นเวลานาน ผงกาแฟจึงต้องมีความหยาบ เพราะการสกัดตัวช้า ไม่เกิดการสกัดตัวที่มากจนเกินไป และป้องกันไม่ให้ผงกาแฟลอดออกมาจากแผ่นกรองปนกับน้ำกาแฟอีกด้วย และยังเหมาะกับการชงแบบ การสกัดเย็น (Cold Brew) เพราะมีวิธีการชงแบบแช่น้ำเป็นเวลานานเช่นกัน  หากผงกาแฟที่มีความละเอียดมากจะทำให้ได้กาแฟที่มีความเข้มและขมจนเกินไป

2.บดปานกลาง (Medium grind)

          บดแบบปานกลางจะมีความละเอียด จับแล้วคล้ายเม็ดทรายธรรมดาทั่วไป ด้วยความละเอียดเหมือนทราย จึงเหมาะกับ การชงแบบดริป (Pour Over or Filter Brewers) เป็นการชงที่ใช้การซึมผ่านของน้ำร้อนที่ผ่านตัวกาแฟ โดยสกัดเอารสชาติออกมา หากผงของกาแฟมีความละเอียดมาก น้ำจะซึมผ่านกาแฟได้ช้า ก็จะทำให้กาแฟถูกสกัดตัวมากเกินไป และยังเหมาะกับการชงแบบแอโร่เพรส (Aeropress) ที่เป็นการผสมกันระหว่างเครื่องชงเอสเพรสโซ่และการชงแบบฟิลเตอร์ โดยใช้ลูกสูบเพื่อดันน้ำผ่านกาแฟบดและผ่านตัวกรอง ซึ่งสำหรับใครที่ต้องการชงให้ไว้ขึ้น สามารถปรับให้กาแฟละเอียดขึ้นได้ แต่หากใช้กาแฟที่มีความหยาบกว่านี้ก็ต้องต้องเพิ่มเวลาในการชงด้วย และสุดท้ายยังเหมาะกับการชงแบบไซฟอน (Syphon Brewer) เป็นการชงแบบแช่เช่นเดียวกัน โดยสามารถปรับระยะเวลาในการชงให้เหมาะกับระดับของผงกาแฟได้ ซึ่งหากกาแฟมีความหยาบมากเกินไปจะทำให้ต้องใช้ระยะเวลาในการชงนานขึ้น อาจจะทำให้กาแฟมีรสขม ไม่อร่อย

3.บดละเอียด (Medium find grind)

          การบดระดับนี้จะให้ผงกาแฟมีลักษณะเริ่มป่น ไม่เป็นก้อน จับแล้วเหมือนเม็ดน้ำตาลทรายขาว ซึ่งจะยังให้รู้สึกถึงเนื้อสัมผัสของผงกาแฟ ซึ่งเหมาะสำหรับการชงแบบโมก้าพอท (Moka Pot)  เป็นการชงที่มักจะให้รสชาติที่เข้มข้นและขม ผงกาแฟที่เหมาะกับการชงแบบนี้ผงกาแฟจะค่อนข้างละเอียดเหมือนเกลือ เพราะจะช่วยลดความขมของกาแฟได้ แต่หากชอบความเข้มมากก็สามารถปรับให้มีความละเอียดมากขึ้นได้  และนับว่าวิธีการชงแบบโมก้าพอทนี้ เริ่มถูกนำมาเป็นจุดขายของหลาย ๆ ร้านกาแฟเลยก็ว่าได้

4.บดละเอียดมาก (find grind)

          เป็นระดับการบดที่มีขนาดเล็กกว่าน้ำตาลทรายขาว เกือบเหมือนแป้งแต่ยัง รู้สึกถึงเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ของกาแฟ จึงเหมาะสำหรับการชงแบบเอสเพรสโซ (Espresso) หรือเครื่องชงกาแฟที่ร้านกาแฟเลือกใช้กัน เพราะเป็นการสกัดอย่างรวดเร็ว โดยใช้แรงดันและความร้อนสูง เพื่อให้ได้กาแฟที่เข้มข้น และเป็นการใช้ปริมาณน้ำในการชงน้อยกว่าการชงแบบต่าง ๆ จึงต้องใช้ผงกาแฟที่มีความละเอียดมากเพื่อให้น้ำผ่านกาแฟได้มากที่สุด

ยิ่งบดกาแฟละเอียดมากเท่าไหร่ ก็จะช่วยให้ได้รสชาติกาแฟที่เข้มข้นยิ่งขึ้น และสำหรับใครที่กำลังกังวลในเรื่องของระดับความละเอียดของผงกาแฟ เคยเจอปัญหาชงกาแฟแล้วไม่หอมเข้มข้น หวังว่าข้อมูลที่เรานำมาแบ่งปันกันในวันนี้จะช่วยคลายข้อข้องใจ เพียงแค่บดกาแฟให้ตรงกับอุปกรณ์ชงในร้านของคุณ เท่านี้ก็จะช่วยให้การชงทุกเมนูกาแฟของคุณง่ายยิ่งขึ้น 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้