5 วิธีเลือกเครื่องชงกาแฟสำหรับมือใหม่หัดเปิด!!!!

1337 จำนวนผู้เข้าชม  | 

5 วิธีเลือกเครื่องชงกาแฟสำหรับมือใหม่หัดเปิด!!!!

5 วิธีเลือกเครื่องชงกาแฟสำหรับมือใหม่หัดเปิด!!!!


เครื่องชงกาแฟในปัจจุบันมีหลายเกรดและหลายประเภท ตั้งแต่ราคาหลักพันไปจนถึงหลักแสน เครื่องชงกาแฟบางรุ่นที่ราคาสูงก็จะมีคุณสมบัติสูงตามขึ้นไปด้วย ตัวอย่างเช่น เครื่องชงกาแฟราคาสูงบางรุ่นสามารถชงกาแฟได้ทีละหลายๆ แก้ว
หรือสามารถสกัดน้ำกาแฟออกมาด้วยระบบแรงดันอากาศ ซึ่งแน่นอนว่าผู้ใช้งานต้องมีความรู้และความสามารถในการใช้งาน
เพื่อดึงศักยภาพของเครื่องชงกาแฟออกมาอย่างเต็มที่ เครื่องชงประเภทนี้ค่อนข้างที่จะเหมาะกับการใช้สำหรับร้านกาแฟที่ต้องมีการทำกาแฟตลอดทั้งวัน โดยสามารถเลือกเครื่องชงกาแฟจากหลักการเหล่านี้ได้เลยยยย...



1.เลือกเครื่องชงกาแฟให้เหมาะกับคอนเซปร้านและการใช้งาน
ก่อนที่เราจะตัดสินใจเลือกประเภทหรือรุ่นของเครื่องชงกาแฟ เรามีจุดประสงค์ในการใช้งานยังไงบ้าง?
ถ้าหากเราต้องการซื้อเครื่องชงกาแฟเพื่อนำมาใช้ในธุรกิจ เช่น เปิดร้านขายกาแฟก็ต้องดูว่า เปิดร้านขายกาแฟขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ คอนเซปร้านเป็นแบบไหน มินิมอล ร้านกาแฟทั่วไป ร้านกาแฟในสวน เลือกให้ตรงตามการใช้งาน ในปัจจุบันมีหลากหลายประเภทด้วยกัน
อาทิ เครื่องชงแบบดริป (Drip Coffe), เครื่องชงแบบฝรั่งเศส (French Press), เครื่องชงชนิดกาต้มกาแฟ (Moka Pot)
แต่ชนิดที่เป็นที่นิยมทั้งเชิงพาณิชย์และใช้งานส่วนตัวมากที่สุด คือ เครื่องชงกาแฟแรงดัน หรือที่มักเรียกว่า เครื่องชงกาแฟเอสเปรสโซ (Espresso Machine) ซึ่งก็มีทั้งแบบปกติและแบบอัตโนมัติ



2.ฟังก์ชั่นการทำงาน
สิ่งที่ควรดูก็คือฟังก์ชั่นในการใช้งานของตัวเครื่อง ขึ้นอยู่กับความถนัดและความชอบของเรา ว่าต้องการเครื่องชงกาแฟที่ทำอะไรได้บ้าง เช่น มีหัวชงหลายหัว เป็นเครื่องชงแบบ Manual
ที่จะต้องตั้งค่าระดับน้ำเอง หรือว่าอยากได้แบบ Auto เหมาะกับมือใหม่ แค่กดปุ่มเดียวก็ทำงานให้เลย แบบนี้ก็จะสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น


3.วัสดุของเครื่องชงกาแฟ
สำหรับวัสดุของเครื่องชงกาแฟ มีผลต่อราคาและความทนทานของตัวเครื่อง ถ้าหากเครื่องชงกาแฟทำมาจากวัสดุอย่างสเตนเลสก็จะสามารถทนต่อการกัดกร่อนจากแร่ธาตุในน้ำได้มากกว่าวัสดุอย่างทองแดง
ซึ่งก็จะยืดอายุการใช้งานได้นานมากขึ้น นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องของความหนาบางและการใช้พลาสติกเป็นส่วนประกอบในบางส่วนด้วย
ซึ่งราคาก็แปรผันตามวัสดุเหล่านี้ด้วย หากเครื่องชงที่มีความหนาหรือมีวัสดุที่คงทนกว่าพลาสติกก็จะมีราคาที่สูงกว่า แต่ก็จะมีน้ำหนักที่มากขึ้นตามไปด้วย


4.แบรนด์หรือประเทศที่ผลิต

เครื่องชงกาแฟส่วนมากจะผลิตขึ้นในโซนประเทศยุโรปอย่างอิตาลี ฝรั่งเศส สเปน เยอรมัน ฮอลแลนด์ และในสหรัฐอเมริกา เพราะประเทศเหล่านี้จะมีมาตรฐานในการผลิตที่สูง
ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายว่าสินค้ามีคุณภาพดีซึ่งแบรนด์ที่มีชื่อเสียงหลายๆ แบรนด์ มีหลากหลายรุ่นเหมาะกับการใช้งานแต่ละประเภท อย่างไรก็ตามควรดูคุณภาพของวัสดุและความสะดวกในการหาอะไหล่ทดแทน
กรณีเครื่องชำรุด หลายครั้งเครื่องกาแฟเสียแล้วไม่มีอะไหล่บริการเนื่องจากตกรุ่นไปแล้วหรือนำเข้ามาจากต่างประเทศ หากมีการซ่อมแซมก็จะรออะไหล่ก็ต้องใช้เวลานานหรือทำให้ต้องทิ้งเครื่องไปโดยปริยาย ทำให้คุณต้องเสียเวลาและเสียโอกาสในการขายกาแฟในร้าน


5.การรับประกันและการดูแลจากผู้ขาย
ควรเช็กก่อนว่ามีการรับประกันจากผู้ขายอย่างไร มีการดูแลการใช้งาน และการตอบคำถามหากเกิดข้อสงสัยมากน้อยแค่ไหน หากมีวิดีโอสาธิตวิธีการใช้งานหรือมีเจ้าหน้าที่ดูแลหลังการขายถึงสถานที่ของคุณ จะทำให้ประหยัดเวลามากขึ้น
ฉะนั้นจึงต้องเลือกผู้ขายที่มีการรับประกันและค่าใช้จ่ายในการบริการไม่สูง รวมถึงถ้ามีการรับประกันและบริการหลังการขายก็จะต้องนำมาพิจารณา
ที่สำคัญอย่าลืมดูเงื่อนไขการรับประกัน หลายที่ให้การรับประกัน แต่มีเงื่อนไขมากมาย ที่ทางผู้จัดจำหน่ายไม่ได้แจ้งไว้ ควรถามให้ละเอียดถึงค่าใช้จ่ายที่อาจจะแอบแฝงไว้

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้