4601 Views |
ในช่วงนี้คอกาแฟ มีสิ่งที่แปลกใหม่ในการดื่มกาแฟมากขึ้น เคยสังเกตมั้ยว่าในช่วงหลัง ๆ มานี้ มีกาแฟชนิดหนึ่งเริ่มเข้ามาอยู่บนเมนู Specialty coffee ในคอฟฟี่ช็อปหลาย ๆ ร้าน และเมนูนั้นคือ “กาแฟเดอร์ตี้” นั่นเอง เรามารู้จักกาแฟชนิดนี้กันเถอะ...
กาแฟเดอร์ตี้ หรือถ้าแปลเป็นภาษาไทยก็อาจจะใช้คำว่า กาแฟเปื้อน ๆ นั่นไม่ใช่เพราะมันมีความสกปรกหรืออะไร
แต่เป็นเพราะลวดลายหน้าตาของมันที่ดู Art เอามาก ๆ เป็นเมนูกาแฟนมที่เสิร์ฟแยกชั้นกันอย่างค่อนข้างชัดระหว่าง ‘นมสดเย็น’ ที่อยู่ด้านล่างของแก้ว กับ ‘ช้อตเอสเพรสโซ’ หรือ ‘ริสเทรตโต’ (การสกัดช้อตเอสเพรสโซที่เข้มข้นกว่าช้อตปกติ) ไว้ด้านบน จึงต้องเสิร์ฟใน ‘แก้วใส’ เท่านั้นเพื่อให้มองเห็นถึงการแยกชั้นเป็นลวดลายต่างๆ อันเป็น ‘จุดขาย’ ของกาแฟเมนูนี้ จัดเป็นกาแฟอีกตัวที่ดูงามทั้ง ‘หน้าตา’ และ ‘รสชาติ’
โดยหลักๆ แล้ว แม้จะมีส่วนผสมแค่นมกับกาแฟ แต่การนำช้อตเอสเพรสโซหรือริสเทรตโต รินหรือเทลงในแก้วนมสดแช่เย็นนั้น มีวิธีการที่แตกต่างกันออกไปหลากหลายรูปแบบตามสไตล์ของผู้ทำหรือบาริสต้า บางคนนำแก้วนมสดแช่เย็นไปวางรอช้อตเอสเพรสโซจากเครื่องชง แต่วิธีนี้ต้องระวังนิดนึงตรงหากว่านมจับตัวแข็งเกินไป จะกลายเป็นทำนบขวางกั้นไม่ให้น้ำกาแฟไหลลง
บางคนใช้ช้อตเอสเพรสโซอีกแก้ว แล้วค่อยๆ รินใส่ด้านบนของนมสด ข้อดีก็คือ สามารถกำหนดจุดให้น้ำกาแฟไหลลงสู่ภายในขอบแก้วตรงมุมไหนก็ได้ บางคนรินเอสเพรสโซใส่ช้อน เพื่อให้น้ำกาแฟค่อยรินไหลชอนไซไปทั่วขอบแก้ว ไม่ทะลุร่วงลงไปผสมกับนมด้านล่างเสียหมดในคราเดียว
บางคนนิยมทำเป็น ‘Double Dirty’ คือ รินเอสเพรสโซใส่นมแบบ 2 จบในแก้วเดียว และเสิร์ฟในแก้วไซส์ขนาดใหญ่ บ้างชอบหวานนิดๆ ก็เพิ่มน้ำเชื่อมกลิ่นต่างๆ ลงไปในแก้วนม เช่น คาราเมลหรือฮาเซลนัท ก่อนเติมเอสเพรสโซลงไป หรือหากต้องการเพิ่มความหวานมัน ก็นำวิปครีมลงไปผสมกับนมแช่เย็น
Dirty Coffee มีที่มาอย่างไร
การเกิดเมนู Dirty Coffee มาจากร้าน Bear Pond Espresso เอสเพรสโซชื่อดังประจำย่านชิโมะคิตาซาวะในกรุงโตเกียว ซึ่งเปิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2009 ที่รังสรรค์เมนูชื่อ “The Dirty” เป็นครั้งแรก โดยคัตซึยูกิ ได้นำกาแฟนมที่เสิร์ฟแยกชั้นกันนี้ ไปเปิดตัวที่ร้านกาแฟ Joe The Art of Coffee ในนครนิวยอร์ค ทำให้เริ่มเป็นที่รู้จักจากคอกาแฟทั่วโลก จนกลายเป็นสัญลักษณ์หรือซิกเนเจอร์ประจำ Bear Pond Espresso ไป
ซึ่งร้านนี้เขาขึ้นชื่อเรื่องกาแฟที่เข้มข้นและความนัวของตัวไซรัปอยู่แล้ว ซึ่งทำให้ได้รสชาติที่ลงตัวจนกลายมาเป็น The Dirty แต่จริง ๆ แล้ว Dirty นั้นไม่มีสูตรที่ตายตัว ซึ่งก็จะมีรสชาติแตกต่างกันออกไป เพราะบางร้านจะใส่เพียงกาแฟและนมเท่านั้น แต่บางร้านอาจจะเติมความหวานเข้าไปเพิ่ม ก็แล้วแต่สูตรของแต่ละร้านจริง ๆ
รสชาติของ Dirty Coffee
รสชาติของ Dirty นั้นขึ้นอยู่กับการชง ซึ่งหากทำรสชาติของ Dirty แบบดั้งเดิมที่มีส่วนผสมเพียงกาแฟและนม จะทำให้เราได้รสสัมผัสของเอสเปรสโซ่พร้อมครีมอันเดอร์โทนเย็น ความรู้สึกร้อนเย็นผสมผสานกันในระหว่างดื่มและเนื่องจาก Dirty เป็นกาแฟที่เสิร์ฟเย็น หลายคนอาจจะคิดว่ารสชาติเหมือนลาเต้หรือเปล่า แต่เปล่าเลย
Dirty สูตรดั้งเดิมจะไม่เติมความหวานเพิ่มเข้าไป แต่จะได้รสหอมหวานจากการผสมผสานระหว่างกาแฟและนมในแก้วนั่นเอง รวมถึงรสชาติจะไม่เจือจางเหมือนลาเต้เย็น เพราะ Dirty จะไม่ใส่น้ำแข็ง และไม่ร้อนเหมือนลาเต้ร้อน แต่เป็นรสชาติในอุณหภูมิที่สามารถดื่มได้เรื่อย ๆ โดยไม่เสียรสชาติ
ปัจจุบันคอฟฟี่ช็อปหลาย ๆ ร้านก็เริ่มมีเมนูนี้โผล่ขึ้นมาบ้างแล้ว หากใครอยากลองชิมก็ลองไปสั่งกันได้ ซึ่งร้านส่วนมากจะเสิร์ฟ Dirty พร้อมกับน้ำเปล่าเย็น ๆ อีกแก้ว ดื่มปิดท้ายเพื่อล้างปาก ชื่นใจสุด ๆ
ขอบคุณข้อมูล : MARKETING EAT
bangkokbiznews